คำอธิบาย
กัลวาไนซ์ (Galvanize) มันก็คือหนึ่งในวิธีการเคลือบพื้นผิวเหล็กด้วยสังกะสี เพื่อป้องกันสนิม สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า, การเคลือบด้วยวิธีทางกล , การพ่นเคลือบด้วยเปลวความร้อน, การทาด้วยสีฝุ่นสังกะสี, การชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อน, การชุบเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อนด้วยกระบวนการต่อเนื่อง, การเคลือบด้วยเทคนิคเชอร์ราไดซ์ซิ่ง เป็นต้น โดยเหล็กที่ผ่านการเคลือบสังกะสีมาแล้วเราจะเรียกว่า “เหล็กกัลวาไนซ์ (Galvanized Steel)”
เหล็กกัลวาไนซ์ (Galvanized Steel) ที่นิยมกันมากในปัจจุบันคือการชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อน (Hot-Dip Galvanized) โดยจะชุบเหล็กลงไปในบ่อสังกะสีเหลวที่กำลังหลอมละลายในอุณหภูมิประมาณ 435-455 องศาเซลเซียส ซึ่งสังกะสีจะเคลือบติดกับพื้นผิวเหล็กหนามากขึ้นตามระยะเวลาที่แช่ในบ่อ โดยทั่วไปมักจะมีความหนาของชั้นเคลือบประมาณ 65 – 300 ไมครอน เหล็กกัลวาไนซ์ที่ชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อนจะเหมาะสำหรับการใช้งานเป็นส่วนประกอบของอาคารที่อยู่ภายนอกบ้าน ส่วนกลางแจ้ง หรือในบริเวณที่ต้องเจอกับความชื้นเป็นประจำ เช่น โครงสร้างหลังคา เสาธง เสาโคมไฟถนน โครงคร่าวผนัง รางน้ำฝน
แล้วเหล็กกัลป์วาไนซ์แบบชุบ Hot-Dip Galvanized ดีอย่างไร
ข้อดีในการชุบกัลวาไนซ์ที่สำคัญที่สุด คือ ป้องกันการเกิดสนิมก่อนวัยอันควรและป้องกันการกัดกร่อน
เกิดการสลายตัวของพื้นผิวปีละ 1 ไมครอนเท่านั้น
มีอายุการใช้งานเกิน 20 ปี
เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องอยู่กลางแจ้งซึ่งจะต้องเผชิญลม ความร้อนจากแสงแดดหรือสารเคมีต่างๆ
ราคาไม่แพง สะดวกต่อการใช้งาน อายุยาวนานกว่าการเคลือบแบบอย่างอื่น
นอกจากการป้องกันสนิมแบบชุบ Hot-Dip Galvanized แล้ว ยังมีวิธีป้องกันการเกิดสนิมอีก 3 วิธีใหญ่ๆ คือ การเคลือบผิว การทำเหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel) และการใช้กระแสไฟฟ้า แต่ว่าถ้าพูดถึงความคุ้มค่าแล้วล่ะก็การชุบกัลป์วาไนซ์กินชนะขาดลอย เพราะว่าเหล็กชุบกัลป์วาไนซ์สามารถทำความสะอาดพื้นผิวได้ง่าย ทนต่อการกัดกร่อนอย่างน้อย 50 ปี และไม่ต้องบำรุงรักษา ทำให้เสียค่าใช้จ่ายโดยรวมต่ำสุดเมื่อเทียบการป้องกันสนิมแบบอื่น ๆ
แบ่งปันสิ่งนี้